กทม.หวั่นถนนทรุดตัวอีก สั่งทุกเขตตรวจสอบ

 

ประธานสภากทม.หวั่นถนนทรุดตัวอีก สั่งทุกเขตเร่งตรวจสอบ ภายหลังลงพื้นที่พระราม 3
จากกรณีบาทวิถีทรุดตัวเป็นทางยาวหลายสิบเมตร หน้าร้านไก่ย่างกลางกรุง ช่วงระหว่างพระราม 3 ซอย21และพระราม3ซอย23 ถ.พระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ภายหลังจ่ากกเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางคอแหลมมาตรวจสอบพบว่า บาทวิถึดังกล่าวทรุดตัว ลึกลงไปประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 5เมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 50 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ห่างจากแยกเจริญราษฎร์ ประมาณ 500 เมตร รวมทั้งยังไม่ได้สร้างตลิ่งคอนกรีตกั้นจนเป็นสาเหตุให้ดินถูกน้ำกัดเซาะลุกลามไปเรื่อยๆ จนเป็นโพรงด้านล่าง เมื่อพื้นคอนกรีตทนแบกรับน้ำหนักที่ถูกกดจากด้านบนนานๆ ไม่ไหว จึงทำให้ทรุดตัวลงเหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยภายหลังเปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากกำแพงกันดินที่สร้างขึ้นมาพร้อมคูน้ำนานกว่า 20 ปี ได้เกิดการพังทลายลง และดึงทางเดินเท้าลงมาด้วย อย่างไรก็ตามทางเดินเท้าดังกล่าวได้มีการซ่อมแซมถึง3ครั้ง ขณะที่ทุกครั้งที่มีการซ่อมแซม ก็จะเกิดการกดทับและดึงตัวกำแพงกันดินลงไปเรื่อยๆ จึงทำให้กำแพงอ่อนตัวลง และเกิดการพังทลาย อย่างไรก็ดีในส่วนของการ ซ่อมแซมนั้น ต้องรอทางวิศวกรรมสถานเข้ามาเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อทำการประเมินก่อนที่จะให้สำนักการโยธากรุงเทพมหานครดำเนินการแก้ไขต่อไป รวมทั้งภายหลังจากเกิดเหตุการณดังกล่าวตนได้สั่งการให้ ทางผู้อำนวยการสำนักการโยธา ดำเนินการตรวจสอบทางเดินเท้าที่มีลักษณะเดียวกัน ในทุกจุด และจะทำหนังสือส่งไปยังสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ของ กทม. ให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย เพื่อเป็นการป้องกันและระวังไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก

นายธวัธชัย สมบูรณ์ หัวหน้าศูนย์ก่อสร้างและบูรณะถนน 3 สำนักการโยธากรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมทั้งเร่งดำเนินการแก้ไข โดยนำรถแบ๊คโฮจำนวน 3 คันซึ่งเป็นรถเจาะกับรถตักมาทำการรื้อแผ่นปูนที่ทรุดตัวลง แต่ไม่สามารถปรับปรุงได้เนื่องจากติดเสาไฟฟ้าและต้นไม้ทำให้ต้องใช้เจ้าหน้าที่ทำการขุดเจาะดัวยมือ ทั้งนี้นายธวัชชัย ได้กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ฟุตบาทเกิดการทรุดตัวนั้นประกอบด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ ทรายที่อยู่ใต้พื้นฟุตบาทเกิดการสไลด์ตัว การขุดเจาะเพื่อวางระบบสาธารณูปโภค รวมไปถึงสภาวะน้ำแล้ง ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานเข้ามาตรวจสอบความชัดเจนในการเกิดเหตุอีกครั้งก่อนจะสรุปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ฟุตบาททรุดตัวในครั้งนี้เกิดจากอะไร และเมื่อเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานเดินทางเข้าตรวจสอบแล้วทางสำนักการโยธาก็จะดำเนินการยกกำแพงกั้นดินและพื้นผิวฟุตบาทที่ทรุดตัวออกในทันที พร้อมกับจะปิดกั้นพื้นที่เพื่อทำการซ่อมแซมให้มีสภาพดังเดิม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้ท่อประปาบางจุดเกิดการเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จากการประปาได้เข้าทำการซ่อมแซมและสามารถจ่ายน้ำให้กับประชาชนได้ตามปกติแล้ว

ด้านนางอัธยา จันทรสุคนธ์ ผู้อำนวยการกองบริการสำนักการประปานครหลวง ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวนั้นทำให้ท่อประปาพีวีซีขนาด 30 ซม.ที่วางอยู่ใต้พื้นผิวฟุตบาทแตกเสียหายส่งผลให้มีน้ำรั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเบื้องต้นทางสำนักการประปาก็ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการแก้ไข โดยการปิดท่อประปาในช่วงที่แตกเสียหายทั้งสองทาง เพื่อไม่ให้น้ำประปาในบริเวณดังกล่าวรั่วไหลออกไป ขณะที่ในส่วนของการซ่อมแซมท่อประปาในจุดที่เสียหายนั้นต้องรอให้เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครดำเนินการซ่อมแซมพื้นผิวฟุตบาทในบริเวณดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามเหตุที่เกิดขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายน้ำประปาแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันสำนักการประปาได้มีการจ่ายน้ำเข้ามาในพื้นที่แบบ 2 ทิศทาง


สมาคมวิศวกรรมสถานฯเตือนระวังแผ่นดินไหวใหญ่ ระบุชัด"เหนือ-ตะวันตก"เสี่ยงสุด "ภูเก็ต"แค่ไหวเล็กๆ

สมาคมวิศวกรรมสถานฯเตือนระวังแผ่นดินไหวใหญ่ ระบุชัด"เหนือ-ตะวันตก"เสี่ยงสุด "ภูเก็ต"แค่ไหวเล็กๆ

ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อ 19 เม.ย. สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือวสท. เปิดโต๊ะแถลงข่าว ถึงแผ่นดินไหวในประเทศไทยและผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร โดยอาจารย์ เป็นหนึ่ง วานิชชัย ประธานอนุกรรมการสาขาผลกระทบต่อแผ่นดินไหวและแรงลม วสท.กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหว 9.1 ริกเตอร์ เมื่อปี 2547 และ 8.6 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้ใต้พิภพได้ปลดปล่อยพลังงานออกมา และจะถ่ายทอดพลังงานขึ้นสู่ที่สูง หรืออาคารต่างๆ จากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน



ผลที่ตามมาคือ อาจทำให้เปลือกโลกอินโดออสเตรเลีย มุดเข้าหาเปลือกโลกยูเรเซีย และอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 8.5-9 ริกเตอร์ได้ ในบริเวณ ประเทศพม่า และหมู่เกาะนิโคบาร์ ของอินเดีย ซึ่งเป็นบริเวณใต้ทะเลลึก ที่จะกระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ส่วนทะเลอันดามันของไทยเป็นเขตน้ำตื้น หากเกิดสึนามิขึ้น จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงจึงเคลื่อนมาถึงประเทศไทย แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเกิดในเวลาใด ต้องใช้วิธีเฝ้าระวังอย่างเดียว



ขณะที่จังหวัดภูเก็ต ไม่น่าห่วง แม้จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง แต่เป็นแค่แผ่นดินไหวขนาดเล็ก ไม่มีการสะสมพลังงานเพียงพอที่จะไปกระตุ้น ให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในภาคใต้ แต่ที่ต้องจับตา และน่าเป็นห่วง คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก ซึ่งรอยเลื่อนมีการสะสมพลังงาน

เดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจรับมือแผ่นดินไหวอย่างปลอดภัย

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา เรื่อง การเกิดแผ่นดินไหว แนวทางการป้องกัน และการตรวจสอบอาคารหลังแผ่นดินไหว (สำหรับประชาชน) โดยมี นายสุวัตน์ เชาว์ปรีชา นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ร่วมพิธีเปิด วิศวกรและประชาชนทั่วไปกว่า 100 คน ร่วมงานสัมมนา ณ อาคารวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ วสท. จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาเกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหว ช่วยลดความเสียหายจากการเกิดเหตุ สามารถดูแลป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง รวมถึงหาทางป้องกันแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และพิจารณารูปแบบอาคารที่มีความปลอดภัยรับมือเหตุแผ่นดินไหวได้ ซึ่งมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย และกฎหมายเกี่ยวกับอาคารต้านแผ่นดินไหว การเสวนา เรื่อง แนวทางการป้องกันและตรวจสอบอาคารหลังแผ่นดินไหว โดยวิทยากรจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและรับมือเหตุแผ่นดินไหวแก่ประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันเกิดเหตุแผ่นดินไหวในหลายประเทศสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ส่งผลกระทบมายังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งกรุงเทพมหานครสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวด้วย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมและวางแนวทางป้องกันภัยจากแผ่นดินไหวให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากที่สุด พร้อมทั้งนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์และถ่ายทอดให้บุคคลอื่นต่อไป

สถาบันอาคารเขียวไทย จัดงานเปิดตัวสถาบันฯพร้อมสัมมนาเรื่อง อาคารเขียวไทยเพื่อเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

สถาบันอาคารเขียวไทย จัดงานเปิดตัวสถาบันฯพร้อมสัมมนาเรื่อง อาคารเขียวไทยเพื่อเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

ธนิดาคอร์ปอเรชั่น
สถาบันอาคารเขียวไทย
จัดงานเปิดตัวสถาบันฯพร้อมสัมมนาเรื่อง
อาคารเขียวไทยเพื่อเศรษฐกิจไทยยั่งยืน
Thai Green Building for Sustainable Economy
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม 2555 เวลา 9:30-17:00 น. ศูนย์การประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา

“สถาบันอาคารเขียวไทย” ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิฯนี้มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการศึกษาวิจัยและพัฒนามาตรฐานวิชาชีพทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมเพื่อใช้ในการออกแบบ ก่อสร้าง และจัดการอาคารประหยัดพลังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเผยแพร่ความรู้ประสบการณ์ทางด้านวิชาชีพ ตลอดจนมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเพื่อให้สถาปนิกและวิศวกรไทยมีคุณภาพมาตรฐานทัดเทียมนานาอารยประเทศ และเพื่อประโยชน์ต่อวงการก่อสร้างไทยในอนาคต โดยภายใต้มูลนิธิอาคารเขียวนั้นมี “สถาบันอาคารเขียวไทย” เป็นหน่วยงานในการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ

สถาบันฯได้กำหนดให้จัดงานเปิดตัวสถาบันอาคารเขียวไทยพร้อมกับการจัดงานสัมมนาเรื่อง อาคารเขียวไทยเพื่อเศรษฐกิจไทยยั่งยืน Thai Green Building for Sustainable Economy ในวันจันทร์ที่ 5 มีนาคม 2555 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงนิทรรศการไบเทค บางนา เวลา 09.30 – 17.00 น. เพื่อรายงานความก้าวหน้าในการจัดทำคู่มือมาตรฐานอาคารเขียวของไทย หรือ TREES-NC และการให้การรับรองอาคารของสถาบันอาคารเขียวไทย

ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา สมาชิกของสมาคมสถาปนิกสยามฯหรือวิศวกรรมสถานฯ ท่านละ 2,000 บาท บุคคลภายนอก 3,000 บาท ทั้งนี้ผู้เข้าสัมมนาจะได้รับคู่มือเกณฑ์ประเมินอาคารเขียวไทยที่มีความหนา 351 หน้า ราคาขาย 500 บาท ฟรีทุกที่นั่ง

วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เซ็น 3 ปี ยึดอิมแพ็คจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ

วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เร่งเครื่องโปรโมทงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2555 (Thailand Engineering Expo 2012) ที่จะจัดในวันที่ 12-15 กรกฎาคม 2555 ภายใต้แนวคิด “เพิ่มพลังการแข่งขันให้ประเทศไทยด้วยความท้าทายทางด้านวิศวกรรม” ชูนวัตกรรมประหยัดพลังงาน energy saving ในด้านวิศวกรรม ต่างๆ และ Green Engineering ประชุมวิชาการ และสัมมนาเกี่ยวกับงานวิศวกรรมกว่า 100 หัวข้อ โดยเน้นเรื่องการบริหารจัดการและป้องกันภัยพิบัติที่กำลังเป็นที่สนใจ พร้อมประกาศเซ็นสัญญา 3 ปีกับ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ ยึด “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” เป็นสถานที่จัดงานตลอด 3 ปี

นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า งานวิศวกรรมแห่งชาติปีนี้มีกำหนดจัดในวันที่ 12 – 15 กรกฎาคม 2555 ภายใต้แนวคิด “เพิ่มพลังการแข่งขันให้ประเทศไทยด้วยความท้าทายทางด้านวิศวกรรม” ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งมีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจาก วสท. ได้เลือกที่จะมาจัดที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เพราะมั่นใจในศักยภาพของอิมแพ็คที่มีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการจัดแสดงนิทรรศการระดับโลกมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังมั่นใจว่าจะสามารถรองรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่คาดว่าจะมากันมากกว่าทุกครั้ง โดยล่าสุด วสท. ได้เซ็นสัญญากับบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งเป็นทำเลทองที่เหมาะอย่างยิ่งกับการจัดงานใหญ่ๆ ในการเช่าใช้พื้นที่จัดงานวิศวกรรมแห่งชาติต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี

ดร. หรรษา วัฒนานุกิจ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะประธานจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2555 – 2557 เปิดเผยว่า ความสำเร็จจากการจัดงานในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 54 ถือว่าดีเกินความคาดหมาย เพราะมีตัวแทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนผู้สนใจ นิสิต นักศึกษาเข้าร่วมงานมากมาย และพบว่ามีวิศวกรกว่า 3,000 คนเข้ามาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผ่านเวทีเสวนา การประชุมและสัมมนาที่จัดขึ้นกว่าร้อยหัวข้อ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดความรู้และเผยแพร่แนวคิด นวัตกรรมทางด้านวิศวกรรมและผลงานใหม่ๆ ออกสู่สาธารณชนได้แพร่หลายยิ่งขึ้น

ในปีนี้ วสท. มีความมุ่งมั่นที่จะจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติให้เป็นงานนิทรรศการด้านวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยการนำเสนอข้อมูลและความรู้ด้านต่างๆ ผ่านนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรมมากถึง 9 สาขา ได้แก่ 1. วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 2. วิศวกรรมอุตสาหการ 3. วิศวกรรมไฟฟ้า 4. วิศวกรรมโยธา 5. วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม 6. วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม 7. วิศวกรรมยานยนต์ 8. วิศวกรรมเครื่องกล และ 9. วิศวกรรมสาขาอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นด้านการประหยัดพลังงาน พลังงานทางเลือก energy saving ในด้านวิศวกรรม ต่างๆ และ Green Engineering ซึ่งเป็นวิศวกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิศวกรรมในด้านการรับมือและป้องกันภัยพิบัติ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาคารบ้านเรือน พร้อมทั้งการแสดงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์การประหยัดพลังงาน โดยจะยังให้ความสำคัญกับการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ที่จะมาร่วมวงเสวนา ประชุมวิชาการ รวมถึงสัมมนาในหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจอีกนับร้อยหัวข้อ โดยเฉพาะปีนี้หัวข้อที่กำลังเป็นที่น่าจับตาก็คือ เรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติและการเตรียมตัวรับมือ

นายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวอย่างมั่นใจว่า งานวิศวกรรมแห่งชาติประจำปี 2555 ที่จะจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีกลางปีนี้จะเป็นงานนิทรรศการด้านวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุด และได้รับความสนใจจากวิศวกรและประชาชนมากที่สุดอีกงานหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรมแล้ว ยังจะมีการประชุม สัมมนาและเวิร์คชอปที่น่าสนใจเกี่ยวกับแวดวงวิศวกรรมอีกกว่า 60 หัวข้อ และด้วยความสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐทั้ง 25 แห่ง ตนมั่นใจว่างานวิศวกรรมแห่งชาติ 2555 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศไทย พร้อมทั้งต่อยอดการพัฒนามาตรฐานด้านวิศวกรรมเพื่อมุ่งไปสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรม เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับวิศวกรรมให้เติบโตยิ่งขึ้น

VTE เพิ่มทุน 140 ล้านขายรายเดิม-PP

       วินเทจ วิศวกรรม อนุมัติเพิ่มทุน 140 ล้านบาท ขายผู้ถือหุ้นเดิม และ PP ราคาหุ้นละ 1.50 บาทและ 2.50 บาท ตามลำดับ เผยการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ราคาต่ำ เพื่อให้การระดมทุนสำเร็จ หวังนำเงินขยายธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทในอนาคต
      
       นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 55 ว่าบอร์ดอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 140 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 80 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 220 ล้านบาท
      
       ทั้งนี้ ให้จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ดังนี้ กรณีแรกให้จัดสรรหุ้นสามัญใหม่ 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights  Offering) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท และในอัตราจัดสรร 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และกรณีที่สอง ให้จัดสรรหุ้นสามัญใหม่ 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นราคาเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อ PP ทั้งสิ้น 250 ล้านบาท โดยราคาตลาดกำหนดจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลัง 7 วันทำการติดต่อกัน ก่อนวันประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 2.96 บาท
      
       อย่างไรก็ดี การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทในราคาต่ำ เพื่อให้การระดมทุนสำเร็จ เนื่องจากบริษัทเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทต่อไปในอนาคต บริษัทมีความประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือ เพื่อสำรองเป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัท รวมทั้งเสริมสร้างให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น
      
       ทั้งนี้ บริษัทกำหนดจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2555 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 55 เพื่อขออนุมัติในเรื่องดังกล่าว

เข้มตึกสูงรับดิน​ไหว กทม.ยันคุม​เข้มชี้2ภาค​เสี่ยงสูง ​เตือน2ภาคน่าห่วง​แผ่นดิน​ไหว

แผ่นดิน​ไหวกลาย​เป็นภัย​ใกล้ตัว กทม.​เตรียมนัด​เจ้า ของตึกสูง​เข้าหารือ​ถึง​แนว ทางป้องกันภัยพิบัติ

กรุง​เทพฯ * กทม.ผวา​แผ่นดิน​ไหว หลังตึกสูงถูก​เขย่าหลายครั้ง ​เตรียม​เชิญตัว​แทน​ผู้ประกอบ​การหารือ​ถึง​แนวทางป้องกันภัยพิบัติ ขณะที่สภา กทม.จะ​เสนอ​ผู้บริหารทบทวนข้อบัญญัติควบคุมอาคาร วิศวกรรมสถานฯ ​เตือนภาค​เหนือ ตะวันตก ​เสี่ยงหนัก

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภากรุง​เทพมหานคร ​ให้สัมภาษณ์​เมื่อวันที่19 ​เมษา ยนนี้ ​ถึง​เหตุ​แผ่นดิน​ไหว​ในระยะนี้ว่า ​ถึง​แม้กรุง ​เทพฯ จะ​ไม่​เป็นศูนย์กลางของ​แผ่นดิน​ไหว ​แต่​ก็รับรู้​ถึง​แรงสั่นสะ​เทือน ​โดย​เฉพาะตึกสูงที่อยู่​ใจกลาง​เมือง ​ซึ่ง​เรื่องนี้ต้องมี​การ​เตรียม​ความพร้อม​เพื่อรับกับสถาน​การณ์ที่อาจ​เกิดขึ้นอีก ​โดยมี​การประ ชุมร่วมกับคณะกรรม​การที่กำกับดู​แล​ในด้าน​การป้องกันภัยพิบัติ​และ​โครงสร้างอาคารสูง ​ทั้งนี้ ​ได้มอบหมาย​ให้คณะกรรม​การสำรวจอาคารสูง อาคารขนาด​ใหญ่ ​และอาคารมหรสพ​ทั้ง 50 ​เขต ตรวจสอบระบบป้องกันภัยพิบัติ อาทิ ภัยน้ำท่วม ​แผ่นดิน​ไหว ​โดยจะ​ให้สำนัก​การ​โยธาฯ ​ไปสำรวจอาคารสูงว่ามีระบบป้องกันอัคคีภัย​และระบบรองรับ​แผ่นดิน​ไหว​หรือ​ไม่

นายสุทธิชัยกล่าวว่า กทม.จะ​เชิญ​ผู้ประกอบ​การอาคารสูง​เข้าร่วมประชุม​เพื่อ​แลก​เปลี่ยน​ความ​เห็น​ถึง​แนวทาง​การป้องกันภัยพิบัติ อย่าง​ไร​ก็ตาม จากนี้จะ​เสนอ​ผู้บริหาร กทม.​ให้ทบทวนข้อบัญญัติ​การควบคุมอาคาร​ใน​เรื่อง​การป้องกันอัคคีภัย​และ​การป้องกัน​เหตุ​แผ่นดิน​ไหว ​ซึ่งจะมี​การ​เสนอญัตติดังกล่าว​ในที่ประชุมสภา กทม. ​ให้มี​การพิจารณา​แก้​ไข​เป็น​การ​เร่งด่วน ​เพื่อ​เป็น​การสร้าง​ความมั่น​ใจ​ให้กับประชาชนด้วย

ด้านสถาน​การณ์​ในจังหวัดภู​เ​ก็ตหลัง​เกิด​แผ่นดิน​ไหวหลายครั้ง มีรายงานว่า ขณะนี้​ได้มี​ผู้ออก​ใบปลิว​ไปทั่วจังหวัด ว่า​ในวันที่ 28 ​เม.ย.นี้ ​เกาะภู​เ​ก็ตจะจมลง​ในทะ​เลอันดามัน​ทั้ง​เกาะ ก่อ​ให้​เกิด​ความหวั่นกลัว​ในหมู่ประชาชนส่วนหนึ่ง

นาย​เลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณี วิทยาสิ่ง​แวดล้อม​และธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากร ธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ​และสิ่ง​แวดล้อม กล่าวว่า ​เรื่องนี้​เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลย​เพราะ​เกาะภู​เ​ก็ตมีสภาพ​เป็นหิน​แกรนิต ​และมีฐานกว้างมาก ​เหมือนกับ​เขาตะปู จ.พังงา ​ซึ่งหิน​แกรนิตมีกำ​เนิดมาจาก​แมกมา​ใต้​โลก มีฐาน​เป็น​แผ่นกว้าง อีก​ทั้งยังมีคุณสมบัติ คือ หาก​เกิด​แผ่นดิน​ไหว คลื่น​แผ่นดิน​ไหวจะ​เคลื่อนที่​เร็ว​เมื่อ​เคลื่อนที่​เร็วอัตรา​การ​ทำลายล้าง​ก็จะน้อย​หรือต่ำ ​แต่หากพื้นที่นั้นๆ ​เป็นดินอ่อนจะ​ทำ​ให้คลื่น​แผ่นดิน​ไหว​เคลื่อนที่ช้า​เมื่อ​เคลื่อนที่ช้าจะ​ทำ​ให้อัตรา​การ​ทำลายล้าง​เพิ่มมากขึ้น ​จึง​เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลยที่​เกาะภู​เ​ก็ตจะจม​หรือหักอย่าง​แน่นอน

ที่สมาคมวิศวกรรมสถาน​แห่งประ​เทศ​ไทย (วสท.) มี​การ​แถลง​ถึง​แผ่นดิน​ไหว​ในประ​เทศ​ไทย ​และผลกระทบต่อ​โครงสร้างอาคาร ​โดยอาจารย์​เป็นหนึ่ง วานิชชัย ประธานอนุกรรม​การสาขาผลกระทบต่อ​แผ่นดิน​ไหว​และ​แรงลม วสท. กล่าวว่า ​เหตุ​แผ่นดิน​ไหว 9.1 ริก​เตอร์ ​เมื่อปี2547 ​และ 8.6 ริก​เตอร์ ​เมื่อวันที่11 ​เม.ย. ​ทำ​ให้​ใต้พิภพ​ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมา ​และจะถ่ายทอดพลังงานขึ้นสู่ที่สูง ​หรืออาคารต่างๆ จากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน ผลที่ตามมาคืออาจ​ทำ​ให้​เปลือก​โลกอิน​โดออส​เตร​เลียมุด​เข้าหา​เปลือก​โลกยู​เร​เซีย ​และอาจ​ทำ​ให้​เกิด​แผ่นดิน​ไหวครั้ง​ใหญ่ ขนาด 8.5-9 ริก​เตอร์​ได้ ​ในบริ​เวณประ​เทศพม่า ​และหมู่​เกาะนิ​โคบาร์ของอิน​เดีย ​ซึ่ง​เป็นบริ​เวณ​ใต้ทะ​เลลึกที่จะกระตุ้น​ให้​เกิดคลื่นสึนามิ​ได้ส่วนทะ​เลอันดามันของ​ไทย​เป็น​เขตน้ำตื้น หาก​เกิดสึนามิขึ้นจะ​ใช้​เวลา 2 ชั่ว​โมง​จึง​เคลื่อนมา​ถึงประ​เทศ​ไทย​แต่ยังบอก​ไม่​ได้ว่าจะ​เกิด​ใน​เวลา​ใด ต้อง​ใช้วิธี​เฝ้าระวังอย่าง​เดียว

อาจารย์​เป็นหนึ่งกล่าวว่า จังหวัดภู​เ​ก็ต​ไม่น่าห่วง​แม้จะ​เกิด​แผ่นดิน​ไหวบ่อยครั้ง ​แต่​เป็น​แค่​แผ่นดิน​ไหวขนาด​เล็ก ​ไม่มี​การสะสมพลังงาน​เพียงพอที่จะ​ไปกระตุ้น​ให้​เกิด​แผ่นดิน​ไหว​ใหญ่​ในภาค​ใต้ ​แต่ที่ต้องจับตา​และน่า​เป็นห่วงคือ ภาค​เหนือ ​และภาคตะวันตก ​ซึ่งรอย​เลื่อนมี​การสะสมพลังงาน.